
399 Interchange 21 Building, Level 32,33, Sukhumvit, North Klongtoey, Wattana, Bangkok 10110
Tel. 02 660 3644
line@ : @mbamagazine
mbamagazine@yahoo.com
กระทรวงอุตสาหกรรมนำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ และคณะนักลงทุนกว่า 300 ราย ลงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ด้านความคืบหน้าขณะนี้กำลังเร่งผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการหลักเพื่อให้มีความพร้อมต่อการลงทุนเร็วที่สุด ได้แก่ 1. การก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 2. การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 3. การพัฒนา 3 ท่าเรือ 4. โครงการดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5. การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
พร้อมชี้ 5 เดือนแรกของการตั้งสำนักงานอีอีซีมีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 160 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 23,400 ล้านบาท และเป็นคำขอใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายกว่า 14,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังมีสัญญาณที่ดีที่คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัทโบอิ้ง และทีจีแอร์บัสในเดือนมีนาคม 2561 รวมทั้ง บริษัทไมโครซอฟท์ อเมซอนดอทคอม ไอบีเอ็ม ที่คาดว่าจะลงนามความร่วมมือในเดือนกันยายน ปี 2560 ใน EEC ดิจิทัลพาร์ค
เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้นำนายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น พร้อมด้วยผู้นำหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ และคณะนักลงทุน ร่วมรับฟังนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา พร้อมสำรวจพื้นที่ที่เอื้อต่อการลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมเหมราช สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และสำนักงานวิทยสิริเมธี โดยหลังจากร่วมรับฟังนโยบายดังกล่าวแล้ว คาดว่าจะมีนักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจขอลงทุนในพื้นที่โครงการฯ ได้อย่างแน่นอน
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลและหน่วยงานเศรษฐกิจของไทยมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะผลักดันยุทธศาสตร์การปฏิรูปอุตสาหกรรม การส่งเสริมการค้าและการลงทุน ตลอดจนการเชื่อมโยงความร่วมมือกับผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกด้วยการใช้พื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่การต่อยอดการพัฒนาโครงสร้างด้านอื่นๆ ของประเทศ
ซึ่งในช่วง 6 เดือนตั้งแต่มีนาคม – สิงหาคมที่มีการจัดตั้งสำนักงาน EEC ขึ้นอย่างเป็นทางการนั้น ภาพของโครงการก็เริ่มมีความชัดเจนและเริ่มเห็นสิ่งที่จะเกิดในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยภายใต้การดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ขณะนี้ได้เร่งผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่อให้ EEC เป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมในการเป็นทำเลที่ตั้งที่แข็งแกร่งและดีที่สุดต่อการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน
โดยยังมุ่งให้เป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ มีความเชื่อมโยงด้านการคมนาคม ประกอบกับการมีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างที่พักอาศัยและสถานที่ทำงานในเมืองแห่งอุตสาหกรรมและเมืองแห่งการท่องเที่ยวระดับโลก ด้วย 5 โครงการหลัก คือ
ทั้งนี้ มีการประเมินงบการลงทุน รวมทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนภายในระยะเวลา 5 ปีแรกว่า โครงการต่างๆ ที่จะถูกพัฒนาขึ้นมานั้นน่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
ดร.อุตตม กล่าวเสริมว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของการจัดตั้งโครงการ EEC อย่างเป็นทางการ (มี.ค. – ก.ค.) ได้มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 160 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 23,400 ล้านบาท เป็นคำขอใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายกว่า 14,200 ล้านบาท และมีการประกาศเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในพื้นที่อีก 1,466 ไร่ ในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดจังหวัดระยอง ที่อยู่ในความดูแลของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ในส่วนของขั้นตอนการติดตามและชักชวนนักลงทุนยังได้มีการเสนอนโยบายไปยังธุรกิจยักษ์ใหญ่ต่างๆ อาทิ บีเอ็มดับเบิ้ลยู นิสสัน หัวเหว่ย ซัมซุง อาลีบาบากรุ๊ป ฟูจิฟิล์ม แอร์เอเชีย
สำหรับกลุ่มบริษัทที่อยู่ระหว่างทำการศึกษาและวิเคราะห์รายละเอียดโครงการลงทุนร่วมกับนักลงทุนนั้น ได้แก่ โบอิ้ง และแอร์บัส และคาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาร่วมทุนในเดือนมีนาคม 2561
ส่วนทางด้านลาซาด้ากรุ๊ป ได้มีการจัดทำมาตรการส่งเสริมแล้วเสร็จและกำลังอยู่ระหว่างเจรจารอบสุดท้าย และในส่วนของการประสานความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลในการชักชวนให้เกิดการลงทุนใน EEC ดิจิทัลพาร์ค ยังคาดว่าจะมีทั้งบริษัทไมโครซอฟท์ อเมซอนดอทคอม ไอบีเอ็ม คาเลสติก้า ลงนามความร่วมมือในเดือนกันยายน ปี 2560
ขณะที่ความคืบหน้าของนโยบายต่างๆ อาทิ โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายแล้ว 17 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ กระบวนการความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการการกำหนดลักษณะเงื่อนไขซึ่งจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี ทางด้านการท่องเที่ยว ได้กำหนดลักษณะของ 3 เมืองที่มีการวางแผนอย่างสมบูรณ์แล้วคือ Thai Way of Life (ฉะเชิงเทรา) Modern of The East (ชลบุรี) Biz City (ระยอง) การกำหนดเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) และเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) กำลังอยู่ในช่วงหาคู่สัญญา
ส่วน 2 ปัจจัยสำคัญอย่างน้ำประปาและพลังงาน มีการวางแผนที่สมบูรณ์และได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว นอกจากนี้ในเรื่องของกฎหมาย EEC จะถูกนำเข้ารัฐสภาในเดือนถัดไป ดร.อุตตม กล่าวปิดท้าย